วัดบางกุ้ง

วัดบางกุ้งตั้งอยู่ที่ตำบลบางกุ้ง อำเภอบางคนที อยู่ในเขตพื้นที่เดียวกับค่ายบางกุ้งแต่อยู่คนละฝั่งกัน มีถนนตัดผ่านกลาง วัดบางกุ้งนี้มีความมหัศจรรย์อยู่ที่โบสถ์ของวัดจะถูกปกคลุมด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่ ทำให้วัดบางกุ้งแห่งนี้ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งใน Unseen Thailand โดยภายในวัดมีโบสถ์เก่าประดิษฐานหลวงพ่อพุทธมณีนิลพระประธานเป็นพระพุทธรูปปั้นขนาดใหญ่ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า หลวงพ่อดำ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ สมัยอยุธยาตอนปลาย เป็นที่เคารพบูชาของคนในท้องถิ่น
รวมไปถึงชาวไทยที่มาของภาพ และข้อมูลจากทั่วทุกสารทิศซึ่งมาสักการะและชมความมหัศจรรย์ของโบสถ์ที่ดำรงอยู่ด้วยการค้ำยันแห่งรากไม้ นอกจากนั้นยังมีภาพจิตรกรรมฝาผนังสมัยปลายกรุงศรีอยุธยาแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติ เป็นภาพพระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมและภาพพระพุทธเจ้าประทับนั่งอยู่ในซุ้มขนาบข้างด้วยอัครสาวกนั่งพนมมือ

วัดบางกุ้ง

วัดบางกุ้ง

ระอุโบสถหลังเก่าวัดบางกุ้งลักษณะเป็นอาคารทรงไทยก่ออิฐถือปูน หลังคาเครื่องไม้มุงกระเบื้องดินเผา ไม่มีช่อฟ้า ใบระกา หน้าบันประดับปูนปั้นลวดลายพันธุ์พฤกษา ตกแต่งด้วยเครื่องถ้วยทั้ง 2 ด้าน ผนังสกัดด้านหน้ามีประตูทางเข้าตรงกลาง 1 ประตู ผนังด้านหลังทึบ ผนังด้านข้างมีซุ้มหน้าต่างด้านละ 4 ช่อง ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปหินทรายแดงขนาดใหญ่ ประทับนั่งขัดสมาธิราบ ปางมารวิชัย ศิลปะอยุธยาตอนปลาย

ใบเสมาหินทรายแดง ส่วนบนโค้งและเรียวลงตรงบริเวณส่วนเอว ยอดเสมาเป็นยอดแหลม ด้านหน้าใบเสมาส่วนบนมีลายประจำยามมีเส้นขอบและสันตรงกลางส่วนล่างมีลายดอกไม้รูปสามเหลี่ยม ตัวเหงาเสมาเป็นรูปกระหนก ศิลปะสมัยอยุธยาตอนปลาย

วัดบางกุ้งเป็นวัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยอยุธยา เคยเป็นที่ตั้งค่ายรบโบราณที่มีความสำคัญ ตามประวัติศาสตร์กล่าวว่าในสมัยพระเจ้าเอกทัศน์ทรงให้กองทัพเรือมาตั้งค่ายกำแพงล้อมที่วัดบางกุ้งแห่งนี้ เพื่อรบกับทัพข้าศึก เรียกว่า “ค่ายบางกุ้ง” จนภายหลังจากที่กรุงศรีอยุธยาได้แตกลงแล้ว พระเจ้าตากสินทรงโปรดให้ฟื้นค่ายบางกุ้งแห่งนี้อีกครั้งโดยให้ตั้งกองทหารชาวจีนมารักษาค่ายไว้ และใช้เป็นที่รับศึกทัพพม่า โดยทรงยกกองทัพเสริมมาช่วยตีข้าศึกจนแตกพ่ายไปในสงครามครั้งแรกกับพม่า นับแต่สถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานี ซึ่งได้สร้างขวัญและกำลังใจให้กับเหล่าทหารไทยได้อย่างมาก